ปฏิเสธไม่ได้เลยสำหรับใครที่เล่นเกมหรือเป็นเกมเมอร์แล้ว ย่อมที่จะมีหูฟังเกมมิ่งติดไว้เพื่อใช้ในการฟังเสียง จำแนกเสียงเกม รวมไปถึงต่างๆนานา เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการเล่นเกมของเราให้ดีขึ้น แต่ ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เพิ่มความสามารถของหูฟังเกมมิ่งของเรานั้นให้มีสมรรถนะมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือ “Sound Card” นั่นเอง แล้ว Sound Card นั้นดียังไงสำคัญยังไงวันนี้ ComputeAndMore มีคำตอบ
Sound Card คือ แผงวงจรที่สร้างและขยายเสียงสัญญาณต่างๆแล้วส่งไปยังแหล่งกำเนิดเสียง เช่น ลำโพง หรือ หูฟัง โดยในปัจจุบันตัวเทคโนโลยีของ Sound Card ระดับสูงๆนั้นสามารถทำให้ลำโพงภายในบ้านของเรากลายเป็นโฮมเธียเตอร์ได้เลยทีเดียว โดยในปัจจุบันจะมีหลากหลายแบรนด์ที่เป็นผู้ผลิต Sound Card ไม่ว่าจะเป็น Asus , Beyerdynamic , Creative , HyperX , Sennisher หรือ Zowie เป็นต้น
บางคนเคยพูดว่า เสียงที่ดี คือ เสียงที่ดัง จริงๆแล้วมันไม่ถูกต้องทั้งหมดครับในเรื่องของ Sound Card เนื่องมาจากตัวของ Soundcard นั้นยังมีหลายๆปัจจัยมากๆที่จะต้องพิจารณาได้ว่าเสียงที่ออกมานั้นดีหรือไม่ดี แต่การสังเกตว่า Sound Card นั้นมีคุณภาพดีหรือไม่นั้นสังเกตุได้จาก 2 ปัจจัยคือ อัตราการสุ่มตัวอย่าง และ ความแม่นยำของตัวอย่างที่ได้ ซึ่ง ความแม่นยำของตัวอย่างนั้นถูกกำหนดโดยความสามารถของ A/D Converter ว่าจะมีความละเอียดมากหรือน้อยขนาดไหน และ ทำอย่างไรจึงจะประมาณค่าสัญญาณดิจิตอลได้ใกล้เคียงกับเสียงสัญญาณมากที่สุด ซึ่ง ความละเอียดของ A/D Converter กำหนดโดยจำนวนบิตของสัญญาณ Output เช่น ถ้ากำหนด A/D Converter 8 Bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ถึง 256 ระดับ และถ้า A/D Converter 16 Bit สามารถแสดงค่าได้ 65,536 ระดับ หมายความว่ายิ่งจำนวนระดับมากขึ้น จะทำให้เสียงละเอียดยิ่งสูงขึ้นและการผิดเพี้ยนของสัญญาณนั้นจะน้อยลง กล่าวคือประสิทธิภาพของเสียงที่ได้รับดีขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนบิตต่อหนึ่งตัวอย่างนั่นเอง
ปัจจุบัน Mainboard ของ PC แทบทุกตัวนั้นล้วนแล้วแต่ติดตั้งวงจรแสดงผลประมวลเสียงและส่งออก มาแล้วในตัวเมนบอร์ดทั้งสิ้น หรือ ที่เราเรียกกันว่า Sound Card on Board จึงทำให้ความจำเป็นในการซื้อ Sound Card แบบ PCIe ลดลงมา หรือ บางคนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป ถามว่าใช่ไหมก็ใช่บางส่วนครับ เพราะในเมนบอร์ดรุ่นราคาไม่แพง ก็มี Sound Card อยู่จริง แต่เสียงที่ได้รับก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงขนาดนั้น เช่นเดียวกันกับ Mainboard รุ่นสูงๆบางรุ่นที่มีการนำเทคโนโลยี Sound Card มาติดตั้งให้กับเมนบอร์ดแต่ก็อาจจะไม่ถูกใจเราเช่นกัน ดังนั้น Sound Card จึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เราเข้าถึงคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นแน่นอน ถ้าคุณเป็นคนที่รักในเสียง หรือ ต้องใช้ในการทำงานที่จำเป็น
อย่างที่ผมได้กล่าวตอนเริ่มบทความไปว่า Sound Card นั้นมีหลายแบรนด์หลายยี่ห้อที่เราสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายสินค้า IT แต่ก่อนจะไปทำความรู้จักกับประเภทของ Sound Card นั้นต้องมารู้จักกับรูปแบบของ Sound Card ที่นิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ก่อนว่า มี 2 แบบ คือ
1. แบบออนบอร์ด ( Sound on Board ) เป็นระบบเสียงตามมาตรฐาน AC’97 จะอยู่ในรูปแบบของ Chipset เสียงถูกติดตั้งไว้บนเมนบอร์ดพร้อมใช้งานได้ทันที
2. แบบตัวการ์ดเสียง ( Sound Card ) เป็นระบบเสียงที่ได้คุณภาพดีกว่าแบบออนบอร์ด โดยส่วนมาก Sound Card จะเสียบลงช่องสล็อต PCI บนเมนบอร์ดนั่นเอง
ในส่วนชนิดของ Sound Card จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. แบบ INTERNAL จะใช้เชื่อมต่อกับเมนบอร์ดโดยตรงผ่าน Slot ที่รองรับเช่น ISA หรือ PCI โดย Sound Card แบบ Internal จะมี 2 แบบดังนี้
1.1 แบบ ISA ( Industry Standard Architecture ) คือ การ์ดเสียงแบบ Internal ซึ่งผลิตออกมานานแล้วจะใช้ร่วมกับเมนบอร์ดรุ่นเก่าที่มีสล็อต ISA ระบบเสียงยังไม่ได้คุณภาพ เป็นที่นิยมในสมัยก่อนแต่ปัจจุบันเลิกใช้กันไปนานแล้ว
1.2 แบบ PCIe ( Peripheral Component Interconnect ) คือ การ์ดเสียงแบบ Internal ซึ่งถูกผลิตออกมาให้สามารถใช้เชื่อมต่อกับเมนบอร์ดยุคปัจจุบันซึ่งเป็นที่นิยมกันมากเนื่องจาก สามารถสังเคราะห์เสียงได้อย่างมีคุณภาพและมีราคาไล่ไปตั้งแต่ถูกยันแพง ตามระดับคุณภาพเสียงที่เราอยากได้นั่นเอง
2. แบบ External ในปัจจุบันเริ่มมีการผลิตและใช้งานให้เห็นมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังมีการติดตั้งที่แตกต่างจาก Soundcard แบบ Internal อีกด้วย ซึ่งการเชื่อมต่อของ External นั้นสามารถเชื่อมต่อผ่านทางสาย USB ซึ่งก่อให้เกิดความสะดวกสบายต่อการใช้งานขึ้นมากๆอีกด้วย
หลังจากที่เราได้รับรู้เบื้องต้นถึง Sound Card แล้วก็ถึงเวลาการชี้เป้า Sound Card ดีๆสำหรับใช้ในการเล่นเกมกันบ้าง โดยวันนี้ที่ ComputeAndMore จะมาแนะนำมีทั้งหมด 4 รุ่น นั่นคือ Creative Sound BlasterX G6, Zowie Vital 2.1 Audio System , Sennheiser GSX1000 และ Creative Sound Blaster AE-7 นั่นเอง
มาถึงตัวแรกกับแบรนด์ที่หลายๆคนคุ้นหูกับ Creative แม้ในปัจจุบันนี้ที่ Mainboard ต่างๆได้มีการพัฒนา Sound Card ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ Creative เองก็ยังสรรสร้างค์ Sound Card แบบ External ดีๆออกมาเรื่อยๆ เช่น Creative Sound BlasterX G6 ก็เป็น Soundcard ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานเกมมิ่งที่ต้องการเล่นเกมด้วยเสียงระดับคุณภาพรายละเอียดสูงที่ระดับ 32Bit , 384kHz แล้วนอกจากเทคโนโลยีระบบเสียง และ การจัดการที่เป็นจุดเด่นของ Creative Sound Blaster แล้ว เจ้าตัว G6 ยังมาพร้อมกับภาคขยายเสียงหูฟังแบบ XAMP DISCRETE ที่ทำให้แยกเสียงซ้ายและขวาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง อีกทั้งตัว SoundCard ยังสามารถใช้งานในระบบ 7.1 ได้อีกด้วย กล่าวคือถ้าใครเล่น PUBG แล้วต้องการ Soundcard เทพๆเล่นคู่กับหูฟังเทพๆอย่าง Beyerdynamic MMX300 แล้ว ต้องมีชื่อของ Creative Sound BlasterX G6 Gaming DAC ขึ้นมาในหัวแน่นอน
เป็นอีกแบรนด์นึงที่ผลิตเกมมิ่งเกียร์ชั้นนำใครหลายๆคนอาจจะคุ้นหูคุ้นเคยกับเมาส์ของ Zowie มากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆแต่ก็อยากจะบอกว่า Zowie เองก็ผลิต Soundcard จำหน่ายเหมือนกันนะ ซึ่งก็คือ Zowie Vital นั่นเอง โดยเจ้า Zowie Vital เป็น DAC Amp ที่ออกแบบมาเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะ ใช้งานผ่าน TouchScreen ทั้งหมด จุดเด่นของ Zowie Vital อยู่ที่ฟังก์ชันการเสียงไมโครโฟนที่ได้พูดแล้วยินเสียงชัดและคมมากขึ้น ลดเสียง Noise ต่างๆ ออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเมื่อมาดูในเรื่องรายละเอียดเสียง Zowie Vital ก็สามารถผลักดันเสียงได้สูงถึง 24bit 96kHz ซึ่งถือว่าดี อีกทั้งกำลังขับของ Zowie Vital ยังสามารถขับเสียงได้สูงถึง 250 Ohm และใช้ Chipset ระดับ Audio Grade ทำให้ได้คุณภาพในรายละเอียดสูงมาก แต่ สำหรับใครที่ฟังเสียง 7.1 จะไม่มีในตัวนี้นะครับ
มาถึงอีกแบรนด์จากเยอรมันที่ขึ้นชื่อเกี่ยวกับเรื่องระบบเสียงเป็นอย่างมากอย่าง Sennheiser ที่หันมาทำอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมเกมมิ่งเช่นเดียวกัน โดยตัว Soundcard ที่แนะนำก็จะเป็น Sennheiser GSX1000 ซึ่งเป็น DAC-AMP ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ ทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ จอสัมผัสแบบ Touchscreen , ฟังก์ชันปรับเปลี่ยนไปมาระหว่างหูฟังและลำโพงในปุ่มเดียว , การปรับ Equalizer อัตโนมัติ 3 โหมด ( Music, E-Sports และ Movie ) อีกทั้งใครที่ชอบการฟังเสียง Surround แบบ 7.1 ก็สามารถเลือกเจ้า GSX1000 ไปใช้งานได้อย่างไม่ผิดหวัง เพราะคุณภาพเสียงสมจริงอย่างกับอยู่ในเหตุการณ์จริงโดยตัว 7.1นั้นสามารถผลักดันเสียงได้สูง 16bit 48.0kHz ถ้าเป็น 2.0 stereo จะผลักดันเสียงได้ที่ 24bit 96kHz นั่นเอง ถือว่าเจ๋งทั้งเสียงแบบ 2.0 และ 7.1 คอเกม คอหนังไม่ควรพลาด !
หลังจากที่ได้แนะนำ Sound Card แบบ External กันไปเยอะแล้วก็ถึงเวลาแนะนำ Sound Card แบบ Internal กันบ้าง โดย Sound Card ที่เราจะนำมาแนะนำนั่นก็คือ Creative Sound Blaster AE-7 นั่นเอง Sound Card ตัวนี้จะมีจุดมุ่งเน้นไปที่คุณภาพเสียง สำหรับดูหนังและฟังเพลงเป็นสำคัญ โดย Creative Sound Blaster AE-7 จะมาพร้อมชิป DAC ESS SABRE9018 ที่รองรับการเล่นไฟล์เสียงรายละเอียดสูง 32bit 384 kHz และ DSD64 มีความเพียนต่ำเพียง 0.0001% แต่ถึงแม้ว่าจะเน้นดูหนังและฟังเพลง แต่ก็ยังไม่ทิ้ง Scout Mode ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการแยกแยะตำแหน่งของคู่ต่อสู้ในเกมอีกด้วย อีกทั้ง Sound Card ตัวนี้ยังรองรับเสียงแบบ 5.1 Surround และ 7.1 Surround อีกด้วยถือว่าซื้อมาฟังเพลงก็ยอดเยี่ยม ซื้อมาเล่นเกมก็ดีไม่แพ้กันนั่นเอง
หลังจากที่ได้ทุกคนได้ลองอ่านบทความนี้ไปน่าจะพอทราบกันแล้วนะครับว่า เราจำเป็นหรือไม่จำเป็น โดยการใช้ Sound Card แยกไปนั้นมีข้อดีในเรื่องของคุณภาพเสียงที่เราจะได้รับเพิ่มขึ้น สุนทรีย์มากขึ้น นั่นเอง ส่วนข้อเสียคือ มีราคาแพงและไร้ความจำเป็นถ้าเราไม่ได้ใช้งานอย่างเป็นประจำ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าชอบเสียงแบบไหน โทนไหน ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ Sound Card สักตัวก็ต้องอ่านข้อมูลให้ดีก่อนว่าจะเอามาใช้กับเกมหรือฟังเพลงนั่นเอง แต่ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมก็ทักมาสอบถามได้ที่เพจ ComputeAndMore เพราะที่นี่คืออีกระดับของคุณภาพ