ภาษาไทย
Campaign

SSD (เอสเอสดี) M.2 / SATA III SSD คอมพิวเตอร์

SOLID STATE DRIVE

SSD (เอสเอสดี) คืออะไร?

Solid State Drive หรือที่รู้จักกันดีในชื่อย่อว่า SSD (เอสเอสดี) เป็นอุปกรณ์สำหรับการเก็บข้อมูลรุ่นใหม่ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ จากอดีตที่ใช้ HDD หรือฮาร์ดดิสก์ เพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันได้ออกแบบและพัฒนา SSD มาให้เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีจานหมุน ทำให้มีขนาดเล็ก ทนทานต่อการสั่นทะเทือน และประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

โดย SSD ทำหน้าที่เป็น Memory Device บันทึกและจัดเก็บข้อมูลอย่างถาวร ทำงานคล้ายกับ Flash Drive เหมาะสำหรับการบันทึกโปรแกรม หรือไฟล์งานที่ต้องเรียกใช้เป็นประจำ ซึ่งต้องการความรวดเร็วในการประมวลผล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ราบรื่นขึ้น ส่วน HDD มักใช้บันทึกข้อมูลสำรองและไฟล์ที่ไม่ได้ใช้อย่างเป็นประจำนั่นเอง

ดังนั้นหากต้องการเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บ หรือเร่งความเร็วในการประมวล และการทำงานของคอมพิวเตอร์ การเลือกใช้ SSD นับเป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งเหมาะสมและตอบโจทย์กับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ 

ประเภทของ SSD (เอสเอสดี)

ปัจจุบัน SSD มีด้วยกัน 4 ประเภท ได้แก่ SSD SATA III, SSD PCI-E, M.2 SSD SATA และ

M.2 SSD PCIE NVMe โดยแต่ละประเภทมีรายละเอียดดังนี้

1. SSD SATA III (SATA 3)

SSD SATA 3 เป็นประเภทที่เห็นได้บ่อยมากประเภทหนึ่ง เนื่องจากมีความจุให้เลือกหลายขนาด เหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์ทั่วไป หรือคอมพิวเตอร์พกพาที่อ่านข้อมูลได้เร็วไม่เกิน 600 MB ต่อวินาที สามารถเชื่อมต่อได้เหมือนกับฮาร์ดดิสก์ทั่วไป

2. SSD PCI-E

SSD PCI-E หรือ Peripheral Component Interconnect Express เป็นหน่วยความจำที่มีความเร็วสูง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วในการประมวลผล แต่มีข้อควรรู้สำคัญคือเอสเอสดีประเภทนี้ต้องเชื่อมต่อผ่านพอร์ตของ PCI-E เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับพอร์ตตัวอื่นได้

3. M.2 SSD SATA

SSD แบบ M.2 SATA เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า SATA มาก เหมาะกับการใช้ในคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่มีเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ การอ่านข้อมูลมีความเร็วตั้งแต่ 600 MB - 3000 MB ต่อวินาที อีกทั้งยังมีขนาดที่เล็ก ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวกมากขึ้น

4. M.2 SSD PCIE / NVMe

SSD แบบ M.2 PCIE / NVMe (Non-Volatile Memory Express) โดย NVMe เป็นหน่วยความจำแบบถาวรที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย สามารถเชื่อมต่อกับซีพียูได้โดยตรง ส่งผลให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาก อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในคนส่วนใหญ่ด้วย

ประเภทของชิป NAND

ชิป NAND Flash สามารถนำมาใช้เป็นตัวกำหนดการแบ่งประเภทของ SSD ได้เช่นเดียวกัน นับเป็นการจำแนกประเภทอีกเกณฑ์นั่นเอง โดยมี 4 รูปแบบ ได้แก่ SLC, MLC, TLC และ QLC ซึ่งแต่ละประเภทมีรายละเอียด ดังนี้

1. SLC

SLC หรือ Single - Level Cell เป็นเซลล์ประเภทแรกที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในหน่วยความจำแฟลช  ไม่ค่อยซับซ้อนและอ่านข้อมูลได้เร็ว รวมถึงมีระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน สามารถจัดเก็บและบันทึกข้อมูล 1 Bit ต่อ 1 เซลล์ ดังนั้นหากต้องใช้ปริมาณความจุที่มาก ราคาจึงค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ

2. MLC

MLC หรือ Multi - Level Cell เป็นเซลล์อีกประเภทที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในหน่วยความจำแฟลช โดยมีความจุที่มากขึ้น คือสามารถจัดเก็บและบันทึกข้อมูลได้ 2 Bit ต่อ 1 เซลล์ มีขนาดชิปเท่ากับแบบแรก แต่อายุการใช้งานน้อยกว่านั่นเอง

3. TLC

TLC หรือ Triple - Level Cell เป็นเซลล์ประเภทที่จัดเก็บและบันทึกข้อมูลได้ 3 Bit ต่อ 1 เซลล์ ซึ่งอายุการใช้งานมีเวลาที่สั้นกว่า MLC และ SLC รวมถึงยังมีขนาดเล็กกว่าด้วย แต่ด้วยขนาดที่เล็กและราคาไม่สูงมาก ส่งผลให้สามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก อย่างโทรศัพท์และชิปฝังบนเมนบอร์ดได้ จึงเป็นประเภทที่ได้รับความนิยม

4. QLC

QLC หรือ Quad - Level Cell เป็นเซลล์ประเภทที่เน้นเรื่องความจุได้มากเป็นหลัก เนื่องจากสามารถจัดเก็บและบันทึกข้อมูลได้มากถึง 4 Bit ต่อ 1 เซลล์ แต่นั่นก็ทำให้เป็นประเภทที่มีอายุการใช้งานน้อยที่สุดด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่เกมเมอร์และการทำงานด้านบันเทิงมาก

แบรนด์ SSD (เอสเอสดี) ยอดนิยม

ปัจจุบันมี SSD ในท้องตลาดให้เลือกหลากหลายแบรนด์ โดยแบรนด์เอสเอสดีที่ได้รับการยอมรับ และเป็นที่นิยมก็มีหลายเจ้าด้วยกัน อย่างเช่น

1. SILICON POWER

SILICON POWER เป็นแบรนด์เอสเอสดีระดับโลกที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน โดยสินค้ามีรุ่นใหม่ ๆ ที่ให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาและปกป้องข้อมูล อย่าง M.2 PCle Gen4x4 US70 NVMe SSD,  M.2 PCle Gen3x4 A80 NVMe SSD และ M.2 PCle Gen3x4 A60 NVMe SSD เป็นต้น

2. WESTERN DIGITAL

WESTERN DIGITAL หรือ WD เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อย่างฮาร์ดไดรฟ์เป็นอย่างมาก โดยก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1970 และภายหลังได้พัฒนา SSD ขึ้น จนติดตลาด มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมหลายรุ่น เช่น WD BLACK SN750 M.2, WD BLACK AN1500 NVME SSD ADD IN CARD และ WD SSD BLUE 1TB SATA III 2.5-INCH เป็นต้น

3. CRUCIAL

CRUCIAL เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับความไว้ใจและเป็นที่รู้จักกันดีในวงการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทั้งมีคุณภาพและราคาคุ้มค่า มีเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติขั้นสูง อย่างการเร่งความเร็วการเขียนแบบไดนามิก การป้องกันความร้อนที่อยู่ในผลิตภัณฑ์รุ่น CRUCIAL P5 PCIE M.2 นอกจากนี้ยังมีสินค้าคุณภาพอีกหลายรุ่นเช่น CRUCIAL P2 M.2 และ CRUCIAL MX500 2TB SATA III 2.5 INCH เป็นต้น

ข้อควรรู้ในการเลือกซื้อ SSD (เอสเอสดี)

ในการเลือกซื้อ SSD จำเป็นต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้คอมประกอบสามารถทำงานได้อย่างดี ลื่นไหล และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีทั้งหมด 3 ข้อ ดังนี้

1. Port ที่เชื่อมต่อ

Port สำหรับการเชื่อมต่อ SSD คือปัจจัยข้อสำคัญในการเลือกซื้อ เนื่องจากไม่ใช่เมนบอร์ดแต่ละรุ่นก็รองรับการเชื่อมต่อกับเอสเอสดีที่แตกต่างกันไป หากเลือกซื้อไม่ตรงกับเมนบอร์ดที่มีอยู่ ก็ทำให้ต้องเสียเงินหลายรอบได้ โดยพอร์ตในท้องตลาดทั่ว ๆ ไปมีดังนี้

1.1 SATA III

พอร์ตรุ่นนี้เป็นพอร์ตสำหรับ SSD ที่ใช้สายลักษณะเดียวกับ HDD ในการเชื่อมต่อกับเมนบอร์ดคอมพิวเตอร์พีซีหรือคอมพิวเตอร์พกพาได้แทบทุกรุ่น เนื่องจากในเมนบอร์ดมีสายสำหรับ SATA มาไว้รองรับอยู่แล้ว 

1.2 SATA M.2

พอร์ตรุ่นนี้เป็นพอร์ตที่คล้ายกับรุ่นแรก แต่แตกต่างกันที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมสาย ใช้ขาสล็อตและชิปควบคุมแทน ซึ่งสามารถทำความเร็วในการอ่านข้อมูลได้ประมาณ 500 MB ต่อวินาที เหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์พกพารุ่นใหม่ ๆ ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบานั่นเอง

1.3 PCI-E / NVMe M.2

พอร์ตรุ่นสุดท้ายทำความเร็วในการอ่านข้อมูลได้ตั้งแต่ 1,500 - 5,000 MB ต่อวินาที ซึ่งนับว่ารวดเร็วมาก โดยส่วนใหญ่เมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ ที่ออกแบบให้สามารถรองรับพอร์ตรุ่นนี้ได้ หากคอมพิวเตอร์ของคุณรองรับระบบนี้ก็จะช่วยเสริมให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น 

2. ความจุ         

ในปัจจุบันการเลือกซื้อ SSD สามารถเลือกความจุได้หลากหลายขนาด เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ 128 GB ไปจนถึง มากกว่า 2 TB

2.1 ขนาด 128 GB

เอสเอสดีที่มีขนาดเพียง 128 GB เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็ก มีความจุน้อยที่สุด การใช้งานเทียบได้ประมาณโทรศัพท์หนึ่งเครื่องเท่านั้น เหมาะกับคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานทั่วไป เพื่ออัปเกรดเครื่องเก่า ไม่ต้องการพื้นที่สำหรับโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง

2.2 ขนาด 256 GB

เอสเอสดีขนาด 256 GB ถือเป็นหน่วยความจำแบบถาวรที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยหนึ่ง คล้ายกับขนาด 128 GB ซึ่งราคา SSD ยังไม่สูงนัก ไม่เหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้โปรแกรมพิเศษที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บ แต่หากใช้งานร่วมกับฮาร์ดดิสก์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น

2.3 ขนาด 512 GB

เอสเอสดีขนาด 512 GB เป็นหน่วยความจำ ซึ่งสามารถจัดเก็บและบันทึกโปรแกรมได้มากกว่า 2 ขนาดแรก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ทำงานทั้งตัดต่อ กราฟิก รวมถึงสายเกมเมอร์ที่ต้องการพื้นที่ให้เกมก็ใช้ด้วยได้ด้วย ซึ่งราคา SSD อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่ได้ถูก แต่ก็ไม่ได้สูงเกินไปหากเทียบกับความจุที่ได้รับ

2.4 ขนาด 1 TB

เอสเอสดีขนาด 1 TB เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ มีความจุมากเพียงพอสำหรับการทำงาน เล่นเกม เก็บไฟล์รูปภาพ วิดีโอ เพลง หรือภาพยนตร์ได้หมด เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณ เนื่องจากเป็น SSD ราคาค่อนข้างสูง แต่ประสิทธิภาพคุ้มราคา อีกทั้งยังใช้งานได้โดยไม่ต้องหาที่เก็บหลายที่อีกด้วย

2.5 ขนาด 2 TB ขึ้นไป

เอสเอสดีที่มีขนาด 2 TB ขึ้นไป นับว่าเป็นหน่วยความจำที่มีขนาดความจุมาก เหมาะสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ ในการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีปริมาณที่เยอะกว่าปกติ เพราะใช้งานได้อย่างเต็มสตรีม แต่แน่นอนว่าด้วยขนาดที่บรรจุข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก ทำให้ราคา SSD สูงตามไปด้วยเช่นกัน

3. งบประมาณ

งบประมาณเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญและเกี่ยวเนื่องกับความจุโดยเฉพาะ เพราะหากต้องการ SSD ที่มีความจุมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้งบประมาณมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งราคาในปัจจุบันมีตั้งแต่ไม่ถึง 1,000 บาท ไปจนถึงเกิน 10,000 บาทเลยทีเดียว ทั้งนี้การตั้งสเปคคอมประกอบที่ต้องการและงบประมาณเอาไว้ก่อน เป็นการช่วยให้ได้คอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับการใช้งาน ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด

โดยทั่วไปแล้ว SSD ราคาไม่ถึง 2,000 บาท มีความจุอยู่ 128 - 256 GB ซึ่งเหมาะกับคอมพิวเตอร์ที่ต้องการการอัปเกรดเล็กน้อย หรือสำหรับผู้ใช้ที่งบประมาณไม่มากนัก ถ้ามีงบประมาณขึ้นมาอีกประมาณ 2,000 - 5,000 บาท จะเหมาะกับขนาด 512 GB ที่สามารถจัดเก็บและบันทึกโปรแกรมได้มากขึ้นอีกด้วย

แต่หากมีงบประมาณสูง ต้องการความสะดวกและพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลปริมาณมาก การเลือกซื้อ SSD ขนาด 1 TB ก็ตอบโจทย์ได้มากเลยทีเดียว หรือหากมีงบประมาณจากทางบริษัท ในกรณีคอมพิวเตอร์สำหรับการทำงานทั้งตัดต่อหรือกราฟิก และต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมาก ก็ยังมีให้เลือกความจุที่ 2 TB, 4 TB, 6 TB หรือมากกว่านี้ แต่ราคาจะสูงตามขึ้นไปด้วยนั่นเอง

ทำไมต้องซื้อ SSD กับ Compute And More?

เลือกซื้อ SSD (เอสเอสดี) กับ Compute And More ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นมืออาชีพมานานกว่า 25 ปี มีบริการให้คำปรึกษา แนะนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกชนิด อีกทั้งยังพร้อมด้วยสินค้าคุณภาพ จากหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อได้ทุกชิ้นส่วน เพื่อให้ได้เอสเอสดีคอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพ คุ้มค่า ราคาดี และตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ

ขั้นตอนการเลือกซื้อก็สะดวก เพียงกดเลือก SSD หรืออุปกรณ์ที่ต้องการผ่านระบบบนเว็บไซต์ เพียงเท่านี้ก็สามารถซื้อชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์กับ Compute And More ในสเปคที่ต้องการได้อย่างสะดวก รวมถึงมีบริการจัดส่งทั่วประเทศไทย ภายใน 1 - 4 วัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่มีคุณภาพอย่างรวดเร็